ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิศรี (Convention against Torture and Other Cruel Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2550 และซึ่งทำให้ไทยต้องปฎิบัติตามพันธะกรณีที่ได้ให้ไว้ นั่นคือการป้องกันไม่ให้เกิดการทรมาน หรือเมื่อเกิดการทรมานขึ้นแล้วต้องแน่ใจว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถอำนวยให้นำผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาลงโทษอย่างมีประสิทธิภาพ และมีกระบวนการฟื้นฟูและเยียวยาที่เหมาะสมแก่ผู้ที่เสียหายได้
การทรมานไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นเครื่องมือที่ล้าสมัยในการสร้างความหวาดกลัว
การทรมานเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งถูกห้ามกระทำไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติหรือภาวะสงคราม การทรมานเป็นสิ่งที่ผิด และไม่อาจมีเหตุผลใดสร้างความชอบธรรมให้การทรมานได้เลย
แม้จะมีการรณรงค์ยุติการทรมานอย่างเข้มข้น แต่การทรมานก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้กระทำความผิด ซึ่งในหลายกรณีเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องด้วยประเทศไทยยังไม่มีกลไกป้องกันการทรมาน การสืบสวนสอบสวน และการเยียวยาอย่างเป็นระบบ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นักกิจกรรมของเรา และประชาชนเรียกร้องให้ รัฐสภาดำเนินการแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี
1. บัญญัติให้การทรมานเป็นความผิดทางอาญา
2. กำหนดให้มีการสืบสวนสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดฐานนี้ตามมาตรฐานระหว่างประเทศ
3. กำหนดมาตรการเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากการทรมานและครอบครัว ทั้งทางด้านกฎหมาย ร่างกาย จิตใจและสังคม
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทรมานและงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลชี้สถานการณ์การทรมานทั่วโลกยังวิกฤติ"