การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน–13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางผู้ประท้วงที่หลั่งไหลไปบนท้องถนนทั่วบราซิลเพื่อรับการมาเยือนของฟุตบอลโลก ซึ่งผู้ชุมนุมกำลังเผชิญหน้าการคุกคามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร อันเนื่องมาจากทางการบราซิลกำลังเพิ่มความพยายามที่จะควบคุมการประท้วงที่เกิดขึ้น
Atila Roque ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล บราซิลระบุว่า มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าทางการบราซิลมีสถิติการดำเนินงานที่บกพร่อง ตำรวจต้องพึ่งพิงกองกำลังทหารในการควบคุมการประท้วง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวขาดการฝึกฝนที่ดี และการที่มีการลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นมากสร้างความเสี่ยงที่ทำให้การประท้วงและการชุมนุมอย่างสงบไม่ได้ผล
“การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ จะเป็นบททดสอบที่สำคัญในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐของบราซิล พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาศักยภาพและให้การประกันว่า การควบคุมผู้ชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันนี้จะเป็นไปโดยปราศจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ”
จากรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรื่อง ‘They use a strategy of fear’: Protecting the right to protest in Brazil’’ ซึ่งแจกแจ้งประเภทการละเมิดโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของบราซิลในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางตามอำเภอใจกับผู้ชุมนุมอย่างสงบ การจับกุมโดยปราศจากเหตุอันควรและการใช้กฎหมายในทางบิดเบือนเพื่อจัดการและลงโทษผู้ชุมนุม วิธีการเหล่านี้เชื่อกันว่าจะมีให้เห็นตลอดการแข่งขันในครั้งนี้
ขณะนี้นักกิจกรรมของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในกรุงบราซิเลียกำลังแสดงออกให้ทางการบราซิลได้เห็นใบเหลืองนับหมื่นที่ลงชื่อโดยประชาชนคนธรรมดาจากทั่วโลก เพื่อตักเตือนให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องเคารพสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบ
“ผู้คนจากทั่วโลกกำลังส่งสารไปยังเจ้าหน้าที่ของทางการบราซิลว่า การการชุมนุมประท้วงไม่ใช่อาชญากรรมแต่เป็นสิทธิมนุษยชนมนุษยชนอย่างหนึ่ง แทนที่จะใช้ความรุนแรงจัดการกับผู้ประท้วง รัฐบาลและกองกำลังรักษาความปลอดภัยควรมีความรับผิดชอบในการที่จะให้หลักประกันว่าประชาชนสามารถส่งเสียงสิ่งที่อยู่ในใจได้อย่างปลอดภัยและปราศจากความกลัวที่จะถูกจับกุม”
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 ชาวบราซิลหลายพันคนได้ออกมาเดินประท้วงบนท้องถนนชนิดที่ว่าไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับค่าโดยสารสาธารณะที่แพงขึ้น มีการลงทุนมหาศาลในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ แต่กลับลงทุนเพียงน้อยนิดในบริการสาธารณะสำหรับประชาชน
ผู้คนหลายร้อยในหลายเมืองได้รับบาดเจ็บจากการถูกเจ้าหน้าที่ยิงด้วยกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมที่ไม่ได้มีท่าทีคุกคาม และอีกหลายคนถูกทุบตีด้วยกระบอง
Sérgio Silva ช่างภาพมืออาชีพและคุณพ่อลูกสอง วัย 32 ปี ที่ต้องสูญเสียดวงตาข้างซ้ายหลังจากถูกยิงด้วยกระสุนยางในเหตุการณ์การประท้วงค่าโดยสารที่พุ่งทะยานขึ้นในเซาเปาโล เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ในวันนี้เขากำลังเผชิญกับความยากลำบากในการทำงาน ที่ผ่านมาเขายังไม่ได้รับคำอธิบายอย่างเป็นทางการ คำขอโทษหรือค่าชดเชยใดๆ จากรัฐเลย
หน่วยรักษาความสงบของกองทัพยังใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมอย่างสงบ มีกรณีหนึ่งถึงกับยิงกระป๋องแก๊สเข้าไปในโรงพยาบาลหนึ่งในนครริโอเดอจาเนโร
ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนถูกจับและคุมขัง บางคนถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับอาชญากรรม โดยไม่มีหลักฐานว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุนั้นหรือไม่?
Humberto Caporalli วัย 24 ปี ถูกจับกุมในข้อหาภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติหลังจากเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อการศึกษาในเซาเปาโล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 ที่สถานีตำรวจเขาถูกบังคับให้บอกรหัสผ่านเข้าบัญชีเฟซบุ๊กของเขากับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าเขาโพสท์อะไรไปบ้าง จากนั้นเขาถูกคุมตัวไว้อีกสองวันก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัว
ขณะนี้สมาชิกสภานิติบัญญัติบราซิลต่างกำลังถกเถียงกันในการพิจารณากฎหมายที่จำกัดสิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ และร่างกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาคองเกรส ร่างดังกล่าวให้คำนิยามอย่างกว้างเกี่ยวกับการก่อการร้าย เช่น แม้กระทั่งการทำลายสินค้าหรือบริการที่สำคัญก็ถูกจัดว่าเป็นการก่อการร้าย หากสภาผ่านกฎหมายนี้ย่อมเป็นที่กังวลว่าจะถูกนำมาใช้อย่างบิดเบือนกับผู้ชุมนุมอย่างสงบ
“ขณะที่คนทั่วโลกกำลังจับตามองบราซิล เจ้าหน้าที่รัฐต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับผู้ชุมนุมประท้วงและสืบสวนการละเมิดทั้งหลายที่เกิดขึ้น และต้องจำกัดอำนาจของกองกำลังฝ่ายความมั่งคงลงเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน” Atila Roque กล่าวทิ้งท้าย