Error message

  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).

แอมเนสตี้ชี้การปราบปรามเสรีภาพในการพูดทำให้เกิด “วงจรความเงียบงัน”

หมวดหมู่ : ข่าวสิทธิมนุษยชน
© AFP/Getty Images

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

แถลงการณ์ (คำแปล)

9 ธันวาคม 2557

ไทย: การปราบปรามเสรีภาพในการพูดทำให้เกิด “วงจรความเงียบงัน”  

                รัฐบาลทหารของไทยต้องยุติพฤติการณ์ที่ขาดความเคารพต่อเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ รวมทั้งยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวล่วงหน้าก่อนวันสิทธิมนุษยชนสากลในวันที่ 10 ธันวาคม

                “เรากำลังเห็นวงจรแห่งความเงียบงันเกิดขึ้นในประเทศไทย มีการเพิ่มเงื่อนไขอย่างต่อเนื่องเพื่อจำกัดเสรีภาพในการพูดและปิดกั้นการแสดงออกของภาคประชาสังคมที่เคยมีความเคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็ง” ริชาร์ด เบนเน็ต (Richard Bennett) ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว

                “การปฏิเสธไม่ให้พื้นที่เพื่อการถกเถียง และการคุมขังผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบ โดยใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เข้มงวด จะไม่ช่วยนำไปสู่ “ความปรองดองแห่งชาติ” ตามที่ทางการสัญญาว่าจะทำให้เกิดขึ้น”

                ทางการมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มีการเซ็นเซอร์ที่ครอบคลุมไปถึงแม้แต่การจัดงานสัมมนาทางวิชาการและการควบคุมสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่มักโทรศัพท์ไปหาบรรณาธิการ และในช่วงหลายสัปดาห์มีการข่มขู่พวกเขาว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี หากมีการละเมิดเงื่อนไขจำกัดเนื้อหาข่าวที่สามารถรายงานได้

                ยังคงมีการห้ามการชุมนุมของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไป ในช่วงเดือนที่ผ่านมามีการควบคุมตัวผู้ประท้วงอย่างสงบ 19 คน จากการ “ชูสามนิ้ว” แบบในภาพยนตร์ ”Hunger Games” และอีกแปดคนถูกควบคุมตัวเพราะแจกใบปลิว

                “วันสิทธิมนุษยชนสากลเป็นโอกาสที่ประชาชนทั่วโลกฉลองความก้าวหน้าในการบรรลุสิทธิมนุษยชน น่าเสียดายที่ประเทศไทยแทบไม่มีอะไรให้ฉลองเลยในปีนี้” ริชาร์ด เบนเน็ตกล่าว

                “ควรมีการนำข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญกลับมาใช้ และให้มีการปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนโดยสมบูรณ์ รวมทั้งเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ”

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

                นับแต่ทหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมในปีนี้ มีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 24 คนฐานละเมิดมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์

                ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การจับกุมบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างผิดปรกติ โดยมีอย่างน้อย 12 คนถูกจับกุมในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และตำรวจแจ้งว่าอาจมีการจับกุมเพิ่มเติมอีกหลายสิบคน และจะมีการตั้งข้อหาก่อนสิ้นปีนี้

                “ต้องมีการยุติการปฏิบัติมิชอบในกระบวนการยุติธรรม และการใช้กฎหมายเผด็จการอย่างไม่บันยะบันยัง รวมทั้งกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยทันที เพราะเป็นการใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามเสียงที่เห็นต่าง” ริชาร์ด เบนเน็ตกล่าว

                “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีเนื้อหากำกวม มุ่งลงโทษการแสดงความเห็นอย่างสงบ และละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นสิทธิที่ประเทศไทยต้องให้การคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ควรมีการชะลอการบังคับใช้กฎหมายข้อนี้ทันที และแก้ไขเนื้อหาเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย”

                ผู้ถูกจับกุมตามกฎหมายฉบับนี้ต้องเข้ารับการไต่สวนแบบลับในศาลทหาร ทั้งยังมีการสั่งห้ามไม่ให้มีผู้สังเกตการณ์คดี และไม่มีสิทธิอุทธรณ์คดี ถือเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

                ในคดีที่ศาลพิพากษาลงโทษตามข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งน่าจะเป็นคดีที่แปดนับจากมีรัฐประหาร นายประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีตสส.พรรคเพื่อไทยถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมเป็นเวลาห้าปี และลดโทษเหลือ 30 เดือนจากคำพูดที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

                ในอีกคดีหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม มีรายงานข่าวว่า ทางการได้เรียกตัวสตรีท่านหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อสอบปากคำ หลังจากเธอโพสต์รูปตัวเองพร้อมกับเพื่อนใส่ชุดดำในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม

                ผู้ต้องสงสัยคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมักไม่ได้รับการประกันตัว โดยศาลมักอ้างว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ “ความมั่นคงของรัฐ” นับแต่ถูกจับกุมเมื่อปี 2554 นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  บรรณาธิการนิตยสารได้ถูกศาลตัดสินลงโทษในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเดือนมกราคม 2556 และที่ผ่านมาศาลปฏิเสธการขอประกันตัว 16 ครั้ง รวมทั้งในช่วงที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดี

                “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลพิจารณาว่าบุคคลใด ๆ ที่ถูกคุมขังเพียงเพราะการแสดงความเห็นอย่างสงบเป็นนักโทษด้านความคิด พวกเขาควรได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข” ริชาร์ด เบนเน็ตกล่าว

 Thailand: Free speech crackdown creating ‘spiral into silence’ 

ป้ายคำ: 

  • กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
  • ม.112
  • แอมเนสตี้ อินเตอร์นชั่นแนล
  • เสรีภาพในการแสดงออก
  • ชูสามนิ้ว
  • การยึดอำนาจโดยทหาร
  • รัฐประหาร