Error message

  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).

มาเลเซีย-ญี่ปุ่นแขวนคอนักโทษ 5 คน แอมเนสตี้ชี้เป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าอาย

หมวดหมู่ : ข่าวสิทธิมนุษยชน

มาเลเซีย-ญี่ปุ่นแขวนคอนักโทษ 5 คน
แอมเนสตี้ชี้เป็นเรื่องน่าเศร้าและน่าอาย

มาเลเซียแขวนคอนักโทษชาย 3 คนเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณายกเลิกโทษประหารชีวิต เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่แขบวนคอนักโทษ 2 คนในวันเดียวกัน โดยแอมเนสตี้ระบุว่าเป็นเรื่องที่ทั้งน่าเศร้าและน่าอับอาย

          นักโทษทั้งสามคนดังกล่าวที่ถูกประหารในมาเลเซีย ได้แก่ Gunasegar Pitchaymuthu, Ramesh Jayakumar และ Sasivarnam Jayakumar โดยพวกเขาถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเมื่อเวลา 5.30 น. วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมาจากคดีฆาตกรรมหลังทางการปฏิเสธคำอุทธรณ์ของพวกเขาอย่างเงียบๆ และแจ้งให้ญาติทราบเกี่ยวกับการประหารชีวิตอย่างกระชั้นชิด

          โจเซฟ เบเนดิกต์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวว่า “การประหารชีวิตชายทั้งสามคนเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง และเป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินกว่าจะบรรยายได้ ส่งผลให้เกิดความอับอายแก่ทางการมาเลเซีย โดยครอบครัวหรือตัวนักโทษเองต่างไม่ทราบเลยว่าคำอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายของพวกเขาถูกปฏิเสธเมื่อใด และการแจ้งให้ทราบว่าจะมีการประหารชีวิตก็เกิดขึ้นอย่างกระชั้นชิด ทำให้ครอบครัวแทบไม่มีเวลามาเยี่ยมเพื่อกล่าวคำร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย”

          โจเซฟ เบเนดิกต์ ระบุด้วยว่าการประหารชีวิตดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลมาเลเซียกำลังอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับแนวคิดที่จะยกเลิกโทษประหารเชิงบังคับ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงถือเป็นสิ่งที่น่าตกใจและเศร้าใจมากยิ่งขึ้น

          “ทางการมาเลเซียต้องเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัวเพื่อสร้างข้อตกลงยุติการประหารชีวิตชั่วคราว ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกที่นำไปสู่การยกเลิกโทษประหาร” โจเซฟ เบเนดิกต์ กล่าวปิดท้าย

          ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน ทางการญี่ปุ่นก็ได้ประหารชีวิตนักโทษสองคนด้วยการแขวนคอเช่นเดียวกัน คือ Yasutoshi Kamata และ Junko Yoshid ส่งผลให้จำนวนนักโทษที่ถูกประหารชีวิตภายใต้รัฐบาลปัจจุบันของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 16 คนแล้ว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการประหารชีวิตในญี่ปุ่นที่เป็นปัญหาคั่งค้างมานาน

          ฮิโรกะ โชจิ นักวิจัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “การประหารขีวิตที่น่าอับอายเหล่านี้แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำที่ล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ” 

ความคืบหน้าการยกเลิกโทษประหารในมาเลเซีย

          ทางการมาเลเซียมักไม่ประกาศต่อสาธารณะทั้งในช่วงก่อนหรือหลังการประหารชีวิต ทั้งยังไม่ค่อยแจ้งข้อมูลการใช้โทษประหารด้วย ทำให้ครอบครัวของนักโทษประหารมักได้รับแจ้งในนาทีสุดท้ายก่อนจะที่มีการประหารชีวิตบุคคลอันเป็นที่รัก

          เมื่อเดือนตุลาคมปี 2558 กรมราชทัณฑ์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า มีการประหารชีวิตบุคคล 33 ครั้งระหว่างปี 2541-2558 แต่ไม่ให้ข้อมูลว่าเป็นการประหารชีวิตในช่วงเวลาใดและเกี่ยวข้องกับคดีใด แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับรายงานอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับการประหารชีวิตที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถหาข้อมูลจากแหล่งอื่นเพื่อยืนยันความถูกต้องได้

          Tan Sri Apandi Ali อัยการสูงสุด และ Nancy Shukri รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อวันที่ 13 และ 17 พฤศจิกายน 2558 ตามลำดับ ว่าจะมีการเสนอร่างกฎหมายฉบับปฏิรูปเพื่อทบทวนการใช้โทษประหารเชิงบังคับต่อรัฐสภาในเดือนมีนาคม 2559 ข้อเสนอการปฏิรูปดังกล่าวได้รับการประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2555 โดยในปัจจุบันยังคงมีการใช้โทษประหารเชิงบังคับกับความผิดฐานฆ่าคนตายและคดียาเสพติด

          ปัจจุบัน 102 ประเทศได้ยกเลิกโทษประหารโดยสิ้นเชิง และมี 140 ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารเฉพาะในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่อต้านโทษประหารทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดในลักษณะใด ไม่ว่าบุคคลจะมีความผิด ความบริสุทธิ์ หรือมีบุคลิกภาพอื่นใด หรือไม่ว่าทางการจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใดก็ตาม เพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่สุดของคนทุกคน ซึ่งก็คือ "สิทธิการมีชีวิตอยู่" นั่นเอง


เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับงานด้านการยกเลิกโทษประหารชีวิตของแอมเนสตี้

ป้ายคำ: 

  • มาเลเซีย
  • ญี่ปุ่น
  • ประหารชีวิต
  • แขวนคอ
  • ยกเลิกโทษประหารชีวิต
  • สิทธิการมีชีวิตอยู่
  • สิทธิในชีวิต
  • สิทธิมนุษยชน
  • สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
  • ชินโสะ อาเบะ
  • แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล