#Critical_Crackdown ร่วมลงชื่อกดดันมาเลเซียหยุดคุกคามเสรีภาพผู้เห็นต่าง
#Critical_Crackdown
ยกเลิกกฎหมายปลุกระดม-หยุดคุกคามเสรีภาพผู้เห็นต่างในมาเลเซีย
เสรีภาพในการแสดงออกในมาเลเซียกำลังตกอยู่ในอันตราย ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีนักกิจกรรมจากภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักการเมืองฝั่งตรงข้าม และคนที่ออกมาพูดต่อต้านรัฐบาลถูกตั้งข้อหาจากกฎหมายปลุกระดม ตลอดจนกฎหมายอื่นๆ ที่กดขี่เสรีภาพของกลุ่มผู้เห็นต่าง
ลงชื่อ
เอ็น ซูเร็นดราน
เอ็น ซูเร็นดาน สมาชิกสภามาเลเซียและทนายความสิทธิมนุษยชน ถูกจับกุมและตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายปลุกระดมสองข้อหาเมื่อเดือนสิงหาคม 2557 เพียงเพราะเขาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายความของนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซียและนักโทษทางความคิดของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล โดยเขาวิจารณ์การตัดสินจำคุกนายอิบราฮิมของศาลมาเลเซีย
ซูเร็นดรานถูกตั้งข้อหาแรกจากการเผยแพร่ใบแถลงข่าวเมื่อเดือนเมษายน 2557 ซึ่งเป็นการวิจารณ์คำตัดสินของศาลมาเลเซียในคดีที่นายฮิบราฮิมตกเป็นจำเลยข้อหามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยบอกว่าเป็นคำตัดสินที่มีจุดบกพร่องและยอมรับไม่ได้ ส่วนข้อหาที่สองถูกตั้งจากการวิจารณ์ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งถูกบันทึกวิดีโอและอัปโหลดบน YouTube เมื่อเดือนสิงหาคม 2557
ลงชื่อ
คาหลิด อิสมัธ
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2558 คาหลิด อิสมัธ นักศึกษาและอดีตนักโทษทางความคิด ถูกตั้งข้อหา 11 ข้อหาภายใต้กฎหมายการสื่อสารและมัลติมีดีย และอีกสามข้อหาภายใต้กฎหมายปลุกระดม จากการโพสต์เฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหมิ่นตำรวจมาเลเซียและราชวงศ์รัฐยะโฮร์ เขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมากมายตั้งแต่การถูกจับกุมหลายครั้ง การถูกปฏิเสธให้ประกันตัว ถูกควบคุมตัวนานถึง 22 วัน และในระหว่างถูกควบคุมตัวเขาอ้างว่าถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณและถูกขังเดี่ยวด้วย
กฎหมายทั้งสองฉบับในส่วนที่อิสมัธถูกตั้งข้อหามีโทษปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต (ประมาณ 45,000 บาท) หรือจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรก และไม่เกิน 5 ปีสำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำ
ข้อเรียกร้อง
- ให้ยกเลิกข้อกล่าวหาต่อเอ็น ซูเร็นดราน และคาหลิด อิสมัธ ตลอดจนคนอื่นๆ ในมาเลเซียที่จะต้องถูกพิจารณาคดีจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก
- ให้รับประกันว่าปัจเจกบุคคลจะไม่ถูกกดขี่หรือคุกคามจาการใช้เสรีภาพในการแสดงออก
- ยกเลิกกฎหมายปลุกระดมและกฎหมายอื่นๆ ที่กดขี่เสรีภาพในการแสดงออก ตลอดจนปฏิบัติตามมาตราฐานและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
ลงชื่อ