Error message

  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).

แอมเนสตี้เรียกร้องตรวจสอบสภาพผู้ต้องขังตุรกี หลังทราบข้อมูลการทรมาน

หมวดหมู่ : ข่าวสิทธิมนุษยชน

แอมเนสตี้เรียกร้องตรวจสอบสภาพผู้ต้องขังตุรกี หลังทราบข้อมูลการทรมาน

แอมเนสตี้ได้รับข้อมูลการละเมิดสิทธิในตุรกีหลังรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พบการทรมานผู้ต้องขัง ล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ยอมให้ทนายหรือครอบครัวเข้าเยี่ยม ชี้เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนหลายประการ

          แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าได้รับหลักฐานที่น่าเชื่อถือทำให้ทราบว่าผู้ต้องขังที่ถูกจับกุมหลังจากการรัฐประหารที่ล้มเหลวในตุรกีถูกทุบตี ทรมาน รวมถึงถูกข่มขืน ในสถานที่คุมขังทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ

          แอมเนสตี้ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองอังการาและอิสตันบูลสั่งให้ผู้ต้องขังอยู่ในท่าผิดปกติหรืออยู่ในท่าเดิม (stress position) เป็นเวลา 48 ชั่วโมง โดยไม่ยอมให้น้ำ อาหาร และการรักษาพยาบาล รวมถึงมีการใช้วาจาด่าทอและข่มขู่คุกคามพวกเขา ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือการทุบตี การทรมาน ไปจนถึงการข่มขืนด้วยไม้กระบองหรือนิ้วมือ

          จอห์น ดาลฮุยเซน (John Dalhuisen) ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคยุโรป แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่าเขาได้รับภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการละเมิดสิทธิเกิดขึ้นในที่คุมขังจริงและถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกเมื่อพิจารณาจากจำนวนการคุมขังผู้คนเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว

          "มันเป็นเรื่องด่วนที่สุดที่รัฐบาลตุรกีจะต้องหยุดยั้งการกระทำที่น่ารังเกียจเหล่านี้และยอมให้นานาชาติเข้าไปตรวจสอบเยี่ยมเยียนผู้ต้องขังเหล่านี้ในสถานที่ที่พวกเขาถูกควบคุมตัวไว้" ดาลฮุยเซนกล่าว

          แอมเนสตี้ระบุอีกว่ามีการกักขังตามอำเภอใจรวมถึงนำไปขังไว้ในที่ๆ ไม่เป็นทางการ ผู้ต้องขังถูกปฏิเสธไม่ให้ทนายความหรือครอบครัวเข้าพบและไม่มีการแจ้งข้อหาในการจับกุมอย่างเหมาะสมจนถือเป็นการละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม นอกจากนี้ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทางการตุรกีทำให้ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน สามารถคุมขังผู้คนโดยไม่แจ้งข้อหาได้เพิ่มขึ้นจาก 4 วันเป็น 30 วัน เพิ่มความเสี่ยงที่ผู้ต้องขังจะถูกปฏิบัติอย่างทารุณมากขึ้น

          แอมเนสตี้ยังได้พูดคุยกับทนายความ แพทย์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำเกี่ยวกับสภาพของผู้ต้องขังซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อเพื่อความปลอดภัยทำให้ทราบถึงเรื่องการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้ต้องขังตามที่ระบุถึงซึ่งเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะในสนามกีฬาและสนามม้าของศูนย์บัญชาการตำรวจกรุงอังการา และมีอีกหลายกรณีที่ถูกนำไปคุมขังในสถานที่ที่ไม่ใช่เรือนจำอย่างเป็นทางการเช่นนี้ 

          ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่คุมขังเปิดเผยอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์แม้ว่าผู้ต้องขังจะอยู่ในสภาพแทบยืนไม่ได้ ตาเลื่อนลอย จนถึงขั้นหมดสติ มีแพทย์ตำรวจรายหนึ่งบอกกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำว่าให้เขาปล่อยผู้ต้องขังให้ตายไปแล้วค่อยบอกกับคนอื่นว่าพบตัวผู้ต้องขังรายนี้เสียชีวิตไปตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากนี้ในหมู่ผู้ต้องขังราว 650-800 รายในศูนย์บัญชาการตำรวจอังการา มีอย่างน้อย 300 รายที่มีร่องรอยถูกทุบตีทำร้าย บางคนมีบาดแผลของมีคม รอยช้ำ และกระดูกหัก ราว 40 ราย บาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเดินได้ มีสองรายที่ถึงขั้นยืนไม่ขึ้น มีผู้ต้องขังรายหนึ่งเป็นผู้หญิงมีรอยช้ำที่ใบหน้าและลำตัว ผู้ให้สัมภาษณ์บอกว่าเขาได้ยินตำรวจพูดกันว่าที่พวกเขาถูกทุบตีเพื่อให้ "เปิดปากพูด"

          ทนายความสองคนในกรุงอังการาบอกกับแอมเนสตี้ว่าพวกเขาพบเห็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงที่ถูกคุมขังหลายคนถูกตำรวจข่มขืนด้วยกระบองหรือนิ้วมือ

          มีการเปิดเผยด้วยว่าผู้ต้องขังถูกมัดมือและถูกบังคับให้คุกเข่าเป็นเวลานานหลายชั่วโมง บางครั้งมีการรัดที่มัดมือแน่นจนเกิดแผล ทนายความบอกว่าผู้ต้องขังบางคนถูกนำตัวมาโดยที่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด ไม่ยอมให้น้ำและอาหารแก่ผู้ต้องขัง 2-3 วัน นอกจากนี้ผู้ต้องขังยังอยู่ในสภาพจิตใจย่ำแย่ มีคนหนึ่งพยายามกระโดดจากหน้าต่างชั้น 6 ของอาคาร อีกคนหนึ่งเอาหัวโขกกำแพงซ้ำๆ 

          ดาลฮุยเซนกล่าวว่า ถึงแม้จะมีภาพและวิดีโอการทารุณกรรมเผยแพร่ไปทั่วประเทศตุรกี แต่รัฐบาลก็ยังเงียบเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเงียบเฉยในสภาพการณ์เช่นนี้ถือเป็นปล่อยปละละเลยให้การละเมิดสิทธิฯ เกิดขึ้น ดาลฮุยเซน ยังกล่าวอีกว่าเขาเข้าใจว่าสภาพการณ์ในตุรกีชวนให้มีความเป็นห่วงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนหลังเกิดกรณีการพยายามก่อรัฐประหารเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน แต่ก็ไม่ควรจะกลายเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการทารุณกรรม ปฏิบัติเลวร้ายต่อผู้ต้องขัง รวมถึงการจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ เพราะลิดรอนสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมถือเป็นการละเมิดกฎหมายตุรกีเองและกฎหมายระหว่างประเทศ

          "บรรยากาศการเมืองของตุรกีในตอนนี้อยู่ในสภาพของความหวาดกลัวและตื่นตระหนก รัฐบาลควรเบนเข็มให้ประเทศเข้าสู่หนทางของการเคารพสิทธิและกฎหมาย ไม่ใช่การแก้แค้น" ดาลฮุยเซนกล่าว

          แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้คณะกรรมการยุโรปเพื่อการป้องกันการทรมาน (CPT) เข้าตรวจสอบสภาพผู้ต้องขังในตุรกีโดยด่วน และในฐานะที่ตุรกีเป็นสมาชิกสภายุโรปรัฐบาลตุรกีมีพันธกรณีในการต้องให้ความร่วมมือกับ CPT ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการเข้าถึงสถานที่คุมขังได้จากที่ก่อนหน้านี้สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตุรกีถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเยี่ยมสถานที่คุมขัง แอมเนสตี้ยังเรียกร้องให้หน่วยงานทางการของตุรกีร่วมกันประณามการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อผู้ต้องขัง รวมถึงต่อต้านและนำตัวผู้ทำการทรมานออกมาแสดงความรับผิดชอบ อนุญาตให้ทนายความเข้าเยี่ยม แจ้งเรื่องการคุมขังต่อสมาคมทนายความและครอบครัวผู้ต้องขังโดยทันที

          "ทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล เรียกร้องให้ทางการตุรกีปฏิบัติตามพันธกรณีด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและไม่ฉวยโอกาสใช้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในการย่ำยีสิทธิผู้ต้องขัง" ดาลฮุยเซนกล่าว

          ผู้ที่สนใจสามารถร่วมลงชื่อเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลตุรกีฉวยโอกาสจากความพยายามรัฐประหารที่ล้มเหลวเพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามได้ที่ bit.ly/2aaL69m


ขอบคุณเนื้อหาภาษาไทยจากประชาไท


Turkey: Independent monitors must be allowed to access detainees amid torture allegations, Amnesty International, 24-07-2016

ป้ายคำ: 

  • สิทธิมนุษยชน
  • การทรมาน
  • การล่วงละเมิดทางเพศ
  • การล้างบาง
  • ความพยายามทำรัฐประหารตุรกี 2559
  • ตุรกี
  • รัฐประหาร
  • สถานการณ์ฉุกเฉิน
  • สิทธิผู้ต้องขัง
  • แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
  • เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน