แอมเนสตี้เรียกร้องทางการมาเลเซียยกเลิกข้อหาปลุกระดมมวลชนต่อผู้เห็นต่าง
แอมเนสตี้เรียกร้องทางการมาเลเซียยกเลิกข้อหาปลุกระดมมวลชนต่อผู้เห็นต่าง
วันนี้ (30 สิงหาคม 2559) เวลา 09.30 น. ตัวแทนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รวมตัวที่หน้าสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ถ. สาทรใต้ กรุงเทพ เพื่อยื่นจดหมายเรียกร้องทางการมาเลเซียยกเลิกกฎหมายปลุกระดมมวลชนและกฎหมายอื่นๆ ที่ถูกใช้เพื่อปิดปากผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง ชี้เป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบของประชาชน
นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ตัวแทนมอบจดหมายเปิดเผยว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีความกังวลต่อเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนมาเลเซียที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีนักกิจกรรมจากภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม และคนที่ออกมาพูดต่อต้านรัฐบาลถูกตั้งข้อหาจากกฎหมายปลุกระดมมวลชน ตลอดจนกฎหมายอื่นๆ ที่กดขี่เสรีภาพของกลุ่มผู้เห็นต่าง
ล่าสุดทางการมาเลเซียตัดสินลงโทษจำคุกนายโมฮัมเหม็ด ฟากรูลราซี โมฮัมเหม็ด มอกตา รองหัวหน้าพรรคกรรมกรมาเลเซีย (Parti Amanah Negara Youth) เป็นเวลา 8 เดือนด้วยข้อหาปลุกระดมมวลชน โดยแอมเนสตี้เรียกร้องให้ทางการมาเลเซียยกเลิกคำตัดสินดังกล่าว และระบุว่าการตัดสินจำคุกนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลครั้งนี้เป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก เรียกร้องยกเลิกคำตัดสินและเลิกใช้กฎหมายดังกล่าว
“พ.ร.บ.ปลุกระดมมวลชนของมาเลเซียถือเป็นกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกอย่างชัดเจนและถูกใช้เป็นเครื่องมือสำหรับปิดปากคนเห็นต่าง กฎหมายนี้ไม่ควรมีอยู่ในสังคมสมัยใหม่ที่เคารพสิทธิมนุษยชน และควรถูกยกเลิกทันที ดังนั้นแอมเนสตี้จึงเรียกร้องทางการมาเลเซียยกเลิกข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ปลุกระดมมวลชนต่อประชาชนที่ถูกพิจารณาคดีจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกอย่างสงบ และยกเลิกกฎหมายปลุกระดมมวลชนและกฎหมายอื่นๆ ที่กดขี่เสรีภาพในการแสดงออก ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรฐานและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ” ปิยนุชกล่าว
หากประชาชนถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวกับพ.ร.บ.ปลุกระดมมวลชนและกฎหมายการสื่อสารและมัลติมีเดียจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต (ประมาณ 45,000 บาท) หรือจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรก และไม่เกิน 5 ปีสำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำ
ด้านสถานทูตมาเลเซียส่ง Ms.Leowania Leow Sui Yin เลขานุการโท (Second Secretary) สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยออกมารับจดหมาย พร้อมกล่าวขอบคุณที่แสดงออกอย่างสงบ