แอมเนสตี้ระบุกรณี "โจชัว หว่อง" เป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกครั้งล่าสุดของไทย
แอมเนสตี้ระบุกรณี "โจชัว หว่อง"
เป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกครั้งล่าสุดของไทย
แอมเนสตี้แถลงกรณีทางการไทยกักตัวและส่งกลับ "โจชัว หว่อง" เป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกครั้งล่าสุดของทางการไทย และแสดงให้เห็นว่าจีนใช้อิทธิพลกับไทย
สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร แถลงกรณีนักกิจกรรมจากฮ่องกง “โจชัว หว่อง” ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศไทย โดยระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำว่าทางการไทยเต็มใจปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก และยังสะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนใช้อิทธิพลกับไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
“การกักตัวและส่งกลับโจชัว หว่อง เป็นการสะท้อนอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลทหารของไทยจะทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งการพูดคุยเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ” แชมพา พาเทล ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
โจชัว หว่อง เป็นนักศึกษาและนักกิจกรรมในฮ่องกง เขากลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2557 ในฐานะหนึ่งในผู้นำการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงที่เรียกกันว่า “การปฏิวัติร่ม” ทั้งนี้ เขาเดินทางมาประเทศไทยจากการได้รับเชิญให้ร่วมพูดในงานที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นงานรำลึก 40 ปีเหตุการณ์การที่ตำรวจ ทหาร และกองกำลังกึ่งทหารใช้ความรุนแรงปราบปรามนักศึกษาไทยเมื่อปี 2519
“รัฐบาลไทยไม่ควรปล่อยให้ปัจจัยทางภูมิศาสตร์และการเมืองอยู่เหนือพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน และเส้นเขตแดนของประเทศไทยไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการพูดคุยเกี่ยวกับประชาธิปไตยและประเด็นข้อกังวลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ” แชมพา พาเทล กล่าว
แถลงการณ์ฉบับเต็มภาษาไทย
แถลงการณ์ฉบับเต็มภาษาอังกฤษ