เนื้อหาเดิม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(1) กลับมาแล้ว ซ้ำซ้อนกฎหมายหมิ่นประมาทแต่โทษหนักกว่า
เนื้อหาเดิม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(1) กลับมาแล้ว
ซ้ำซ้อนกฎหมายหมิ่นประมาทแต่โทษหนักกว่า
แอมเนสตี้พบเนื้อหาเดิมที่มีปัญหาของมาตรา 14(1) ในร่างแก้ไข พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์กลับมาแล้ว หลังถูกแก้ไขให้ดีขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมชวนประชาชนจับตาเส้นตายผ่าน พ.ร.บ. สิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ค้นพบว่ามาตรา 14(1) ใน “พระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่..) พ.ศ. ....” ซึ่งแอมเนสตี้และประชาชนทั่วไปมีความเป็นห่วงนั้นถูกแก้ไขเนื้อหาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้งในร่างแก้ไข พ.ร.บ. ดังกล่าวฉบับวันที่ 30 กันยายน 2559 หลังคณะกรรมการพิจารณาร่างฯ อ้างว่าได้แก้ไขให้ได้มาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลและเป็นไปตามเจตนารมณที่แท้จริงของตัว พ.ร.บ. มากขึ้นแล้วตามเอกสารที่แจกในงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นที่ สนช.จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2559
นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการพิจารณาร่างฯ ได้เพิ่มความชัดเจนของมาตรา 14(1) เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยการระบุเงื่อนไขพิเศษว่าต้องเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ซึ่งตรงกับเจตนารมณ์ของการบังคับใช้ที่รองรับการกระทำผิดโดยการหลอกลวง ฉ้อโกง และปลอมแปลงข้อมูลไม่ใช่การหมิ่นประมาท และจะทำให้กฎหมายฉบับนี้สอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนสากลมากขึ้น เราจึงผิดหวังอย่างมาก ที่สุดท้ายเงื่อนไขพิเศษดังกล่าวถูกตัดทิ้ง”
มาตรา 14(1) ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมามีปัญหาการถูกตีความอย่างกว้างขวางและมักถูกพ่วงเข้ามาในการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่ซ้ำซ้อน ผิดวัตถุประสงค์ของมาตรานี้ที่ร่างขึ้นมาเพื่อปราบปรามการหลอกเอาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตหรือ “ฟิชชิ่ง” (Phishing) อีกทั้งยังเพิ่มภาระโทษให้จำเลยและเพิ่มคดีความในชั้นศาลและสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยไม่จำเป็น
นับตั้งแต่บังคับใช้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ถูกนำมาใช้ควบคู่กับกฎหมายหมิ่นประมาทมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ในคดีที่เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศ ยกตัวอย่างเช่น กรณีนายอานดี้ ฮอลล์ นักปกป้องสิทธิแรงงานข้ามชาติชาวอังกฤษ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกสามปีและปรับ 150,000 บาท จากการเผยแพร่รายงานวิจัยเกี่ยวกับการละเมิดมนุษยชนอย่างรุนแรงโดยโรงงานไทย และกรณีของนางสาวนริศราวัลถ์ (เมย์) แก้วนพรัตน์ ที่ถูกสั่งฟ้องกรณีโพสต์เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้าชายซึ่งเป็นพลทหารที่เสียชีวิตในค่ายทหารที่จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น
นอกจากมาตรา 14 (1) ที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีมาตราอื่นๆ ในร่างแก้ไข พ.ร.บ. ฉบับนี้ที่ยังมีเนื้อหาคลุมเครือที่ยากต่อการตีความ และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ความเป็นส่วนตัวและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุด คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ได้มีมติเลื่อนการพิจารณาออกไปอีก 30 วันจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2559 โดยแอมเนสตี้ขอเชิญชวนประชาชนให้ร่วมจับตา มองกันต่อไป
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา แอมเนสตี้ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกับ 4 องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ได้แก่ สมาพันธ์สิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) ฟอร์ติฟายไรท์ (Fortify Rights) คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และลอว์เยอร์ไรท์วอทช์แคนาดา (LRWC) เพื่อเน้นย้ำข้อกังวลต่อเนื้อหาในมาตราต่าง ๆ ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ สนช. พิจารณากฎหมายดังกล่าวภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศของไทยและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากลในการปกป้องและส่งเสริมสิทธิความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในการแสดงออกบนโลกออนไลน์ด้วย
นอกจากนี้ แอมเนสตี้ยังได้ออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนผู้สนับสนุนที่มีอยู่มากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลกร่วมส่งจดหมายมายังรัฐบาลไทยเพื่อเรียกร้องให้การพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นตามพันธกรณีของไทยและมาตราฐานสิทธิมนุษยชนสากลเช่นกัน