Amnesty International Thailand © 2014 All Right Reserved
แถลงการณ์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
13 พฤษภาคม 2557
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: การทรมาน: วิกฤตระดับโลกจากการเปิดเผยข้อมูลในการรณรงค์ครั้งใหม่
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวหาว่ารัฐบาลทั่วโลกต่างทรยศต่อพันธกิจที่จะขจัดการทรมาน แม้ว่าสามทศวรรษผ่านไปหลังจากมีการรับรองอนุสัญญาต่อต้านการทรมานขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2527 จึงนับเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญมาก
“รัฐบาลทั่วโลกตีสองหน้าเกี่ยวกับปัญหาการทรมาน โดยแม้จะมีการกำหนดข้อห้ามตามกฎหมาย แต่ก็มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการทรมานขึ้น” ซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty) เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว ในการเปิดตัวการรณรงค์ระดับโลกล่าสุดเพื่อยุติการทรมานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
“การทรมานไม่เพียงยังเกิดขึ้นและดำรงอยู่ แต่ได้ขยายตัวไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ในขณะที่รัฐบาลได้อ้างความมั่นคงในประเทศเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการทรมาน เป็นเหตุให้ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในการทำงานยุติการทรมานในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเริ่มถูกทำลายไป”
นับตั้งแต่ปี 2527 รัฐ 155 แห่งได้ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาต่อต้านการทรมานแห่งสหประชาชาติ และทางแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ทำการศึกษาสถานการณ์ใน 142 ประเทศเหล่านี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลพบว่ามีอย่างน้อย 79 ประเทศที่ยังทำการทรมานอยู่ในปี 2557 ถือเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ มีรัฐภาคีสหประชาชาติอีก 32 แห่งยังไม่รับรองอนุสัญญาฉบับนี้ แม้ว่าความตกลงทางกฎหมายเพื่อยุติการทรมานในระดับโลกจะมีผลบังคับใช้ต่อรัฐเหล่านี้เช่นกัน
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายในอย่างน้อย 141 ประเทศจากทุกภูมิภาคทั่วโลกในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จากสภาพการทรมานที่เกิดขึ้นเป็นความลับ เป็นเหตุให้เราไม่สามารถเสนอตัวเลขที่แท้จริงของประเทศที่ยังคงใช้การทรมานอยู่ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน่าจะสูงกว่าตัวเลขที่เรานำเสนอ
ในบางประเทศ การทรมานเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นระบบ ส่วนในประเทศอื่น ๆ มีข้อมูลว่ามีการใช้การทรมานเป็นครั้งคราวและเป็นกรณียกเว้น แต่เราเห็นว่า การทรมานหรือการปฏิบัติที่โหดร้ายที่เกิดขึ้นแม้เพียงครั้งเดียว ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง
การรณรงค์เพื่อยุติการทรมานเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเผยแพร่เอกสารฉบับใหม่ “การทรมานในปี 2557 – 30 ปีของคำสัญญาที่ว่างเปล่า” ซึ่งให้ภาพรวมเกี่ยวกับการทรมานในโลกทุกวันนี้
เอกสารฉบับนี้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการทรมานประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่การให้อยู่ในท่าที่ไม่สบายและการบังคับให้อดนอน ไปจนถึงการช็อตไฟฟ้าที่อวัยวะเพศ โดยผู้ถูกกระทำมีทั้งผู้ต้องสงสัยในคดีอาญา ผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง นักกิจกรรมที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาล คู่แข่งทางการเมืองและอื่น ๆ
ส่วนหนึ่งของการรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ให้ทางหน่วยงาน Globescan สำรวจทัศนคติของคนทั่วโลกเกี่ยวกับการทรมาน เป็นที่น่าตกใจว่าจากผลการสำรวจพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (44%) ของผู้ให้ข้อมูลจาก 21 ประเทศจากทุกทวีปในโลก กลัวว่าตนเองมีความเสี่ยงจะถูกทรมานถ้าถูกควบคุมตัวในประเทศของตน
คนส่วนใหญ่ (82%) เชื่อว่าควรมีกฎหมายต่อต้านการทรมานที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี กว่าหนึ่งในสาม (36%) ยังเห็นว่าการทรมานอาจนำมาใช้ได้ในบางพฤติการณ์
“ผลจากการสำรวจความเห็นระดับโลกครั้งใหม่นี้นับว่าน่าประหลาดใจ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่เราสำรวจมีความหวาดกลัวและคิดว่าตนเองเสี่ยงที่จะถูกทรมาน คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อต่อต้านการทรมาน แม้ว่ากว่าหนึ่งในสามยังคิดว่าการทรมานอาจนำมาใช้ได้ในบางพฤติการณ์ โดยภาพรวมแล้วเราจะเห็นการสนับสนุนของประชาชนทั่วโลกต่อมาตรการป้องกันการทรมาน” แคโรไลน์ โฮล์ม (Caroline Holme) จาก Directorat GlobeScan
การใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเช่น การกำหนดให้การทรมานเป็นความผิดตามกฎหมายในประเทศ การเปิดโอกาสให้หน่วยงานอิสระสามารถตรวจสอบสถานควบคุมตัวได้ และการบันทึกวีดิโอในระหว่างการสอบปากคำ ล้วนส่งผลให้มีการทรมานลดน้อยลงในประเทศต่าง ๆ ที่พยายามปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานอย่างจริงจัง
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้รัฐบาลนำกลไกคุ้มครองมาใช้เพื่อป้องกันและลงโทษกรณีที่เกิดการทรมาน เช่น การจัดให้มีการตรวจร่างกายอย่างเหมาะสม การให้ผู้ถูกควบคุมตัวเข้าถึงทนายความได้โดยทันที การให้หน่วยงานอิสระตรวจสอบสถานควบคุมตัว การให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานอย่างเป็นอิสระและอย่างมีประสิทธิผล การฟ้องคดีต่อผู้ต้องสงสัย และการให้ความเยียวยาอย่างเหมาะสมต่อผู้เสียหาย
งานรณรงค์ต่อต้านการทรมานในระดับโลกของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจะดำเนินต่อไป โดยจะเน้นในห้าประเทศซึ่งมีการทรมานอย่างแพร่หลาย และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในประเทศเหล่านี้ รายงานพร้อมข้อเสนอแนะจากแต่ละกรณีจะเป็นส่วนสำคัญของการรณรงค์ครั้งนี้
“เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขบวนการของเราได้เริ่มรณรงค์เพื่อให้มีการยุติการทรมานในระดับสากล และเป็นที่มาของอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติฉบับนี้ขึ้นมา ในปัจจุบันเรายังคงรณรงค์ระดับโลกเพื่อยุติการทรมาน และเรียกร้องให้รัฐปฏิบัติตามคำสัญญาดังกล่าวให้ได้” ซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty) กล่าว [1]
ร่วมลงชื่อรณรงค์ยุติการทรมานกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่นี่ [2]
Global crisis on torture exposed by new worldwide campaign [1]
Links
[1] http://www.amnesty.org/en/news/amnesty-international-global-crisis-torture-exposed-new-worldwide-campaign-2014-05-13
[2] https://www.amnesty.or.th/get-involved/take-action/371
[3] http://old.amnesty.or.th/sites/default/files/attachments/4280_torture_media_briefing_complete_web.pdf
[4] http://old.amnesty.or.th/sites/default/files/attachments/stop_torture_global_media_briefing_thai_cover_design.pdf