คุณแม่ลูกสองชาวซูดานที่ศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตได้รับการปล่อยตัวแล้ว !

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกมาเปิดเผยว่า มีเรียม ยาเฮีย อิบราฮิม อิชัก คุณแม่ลูกสองวัย 27 ปี ที่ถูกศาลซูดานตัดสินประหารชีวิตในข้อหา “ละทิ้งศาสนา” โทษฐานที่เธอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ หลังจากที่แต่งงานกับสามีที่เป็นคริสเตียน และถูกเฆี่ยนตีในข้อหา “คบชู้” ได้รับการปล่อยตัวและศาลได้ยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดแก่เธอ นับว่าเป็นข่าวดีที่เกิดขึ้นหลังจากความอยุติธรรมที่เธอได้รับ

มีเรียมได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำหญิงออมเดอมานเมื่อวานนี้หลังจากศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินว่าเธอไม่มีความผิดทั้งสองข้อกล่าวหา ในขณะนี้เธอได้กลับไปอยู่กับสามีและลูกๆ ของเธอเรียบร้อยแล้ว

ซาราห์ แจ็คสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาค แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่าการพิจารณาคดีในวันนี้นับว่าเป็นก้าวเล็กๆ ที่สำคัญในการแก้ไขความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับมีเรียม ซึ่งเธอไม่สมควรถูกดำเนินคดีด้วยซ้ำไป มีเรียมถูกตัดสินโทษประหารชีวิตขณะที่เธอกำลังตังครรภ์ได้ 8 เดือนในข้อหาที่ไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมได้เลย นอกจากนี้การใส่กุญแจมือกับเธอยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศในการต่อต้านการปฏิบัติหรือลงโทษที่โหดร้าย  ไร้มนุษยธรรม  หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกด้วย

กรณีของมีเรียมมีสมาชิก นักกิจกรรม และผู้สนับสนุนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมากกว่าหนึ่งล้านคนทั่วโลกออกมาแสดงพลังและร่วมส่งจดหมายกดดันรัฐบาลซูดานให้ทำการปล่อยตัวมีเรียมโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนครั้งยิ่งใหญ่นี้ จดหมายของพวกคุณเป็นแรงกดดันที่ทำให้ทางการซูดานเห็นว่ามีผู้คนจากทั่วโลกไม่พอใจต่อความอยุติธรรมที่มีเรียมได้รับมากแค่ไหน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจะพยายามต่อไปในการผลักดันรัฐบาลซูดานให้ยกเลิกกฎหมายที่ระบุว่า “การละทิ้งศาสนา” และ “การคบชู้” มีความผิด เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ใครอีกหลายคนในซูดานต้องทนต่อความอยุติธรรมเหมือนอย่างที่มีเรียมได้รับ และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังเป็นเหมือนก้าวแรกในการผลักดันให้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตในซูดานอีกด้วย”   ซาราห์ แจ็คสันกล่าว