Amnesty International Thailand © 2014 All Right Reserved
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
แถลงการณ์
10 กุมภาพันธ์ 2558
บริษัทเหมืองจากต่างชาติจับมือกันปฏิบัติมิชอบและกระทำการผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงในพม่า
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวในรายงานที่เผยแพร่วันนี้ ว่ากำไรจากกิจการเหมืองแร่ของบริษัทจากแคนาดาและจีนในบางกรณี เป็นผลมาจากการร่วมมือกับทางการพม่าในการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและถือเป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย กรณีโครงการอุตสาหกรรมเหมืองทองแดงมอญยอ (Monywa) รวมทั้งเหมืองทองแดงเลทปะด่อง (Letpadaung) ที่อื้อฉาว
รายงานเรื่อง “เปิดประตูเพื่อธุรกิจ? อาชญากรรมของบรรษัทและการปฏิบัติมิชอบซึ่งเกิดขึ้นที่เหมืองทองคำในพม่า” (Open for Business? Corporate Crime and Abuses at Myanmar Copper Mine) ชี้ให้เห็นปัญหาการบังคับไล่รื้อในวงกว้างและปัญหามลพิษร้ายแรงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเหมืองที่ทำลายวิถีชีวิต และทำให้ประชาชนหลายพันคนเกิดความเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขภาพ การประท้วงของชาวบ้านส่งผลให้ตำรวจใช้กำลังปราบปรามเกินกว่าเหตุ โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ใช้ฟอสฟอรัสขาว ซึ่งเป็นสารระเบิดที่มีพิษร้ายแรงกับชาวบ้าน
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นการดำเนินงานอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งการละเมิดมาตรการแทรกแซงทางเศรษฐกิจ
เมฆนา อับราฮัม (Meghna Abraham) นักวิจัยด้าน Corporate Crimes แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว พม่ากำลังเปิดรับพายุร้ายของการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งที่ผ่านระบบกฎหมายอันอ่อนแอและระบบเศรษฐกิจที่ถูกครอบงำด้วยผลประโยชน์ของกองทัพและผลประโยชน์พิเศษอื่น ๆ รัฐบาลได้บังคับไล่รื้อประชาชน ปราบปรามการประท้วงอย่างสงบ และยังแสดงความไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิงที่จะเอาผิดกับบริษัท
“โครงการเหมืองมอญยอเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับการลงทุนในพม่า กล่าวคือโครงการของบรรษัทเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติมิชอบ และการทำให้ชุมชนแตกแยกเพื่อผลกำไรเพียงอย่างเดียว การพัฒนาเหมืองเลทปะด่องต้องยุติลงโดยทันที จนกว่าจะมีการแก้ปัญหาด้านสิทธิเสียก่อน”
รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงข้อมูลที่เป็นหลักฐานต่าง ๆ เช่น
“ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบโครงการเหมืองมอญยาและเหมืองเลทปะด่อง ต้องเผชิญกับการปฏิบัติมิชอบในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากแคนาดา พม่า และจีนในปัจจุบัน การลงทุนมีประโยชน์ต่อประเทศพม่า แต่โครงการนี้ให้ประโยชน์กับบริษัท แต่กลับทำร้ายประชาชน” เมฆนา อับราฮัมกล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้
ข้อมูลพื้นฐาน
โครงการเหมืองมอญยอประกอบด้วยเหมือง Sabetaung and Kyisintaung (S&K) และเหมืองทองแดงเลทปะด่อง โครงการเหมือง S&K เป็นเหมืองที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ส่วนเหมืองเลทปะด่องยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
บริษัทไอเวนโฮ ไมนส์ จำกัดจากแคนาดา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ได้เข้าร่วมลงทุนกับหน่วยงาน Mining Enterprise No. 1 (ME1) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของพม่า ทั้งนี้เพื่อก่อตั้งบริษัท Myanmar Ivanhoe Copper Company Limited (MICCL) โดยทั้งสองหน่วยงานต่างถือหุ้นอยู่คนละครึ่ง MICCL เป็นผู้ดำเนินการโครงการเหมือง S&K
ในปี 2550 บริษัทไอเวนโฮ ไมนส์ตัดสินใจเบี่ยงเบนการลงทุนจากพม่า และจัดให้มีหน่วยงานที่สามอย่าง Trust ซึ่งเป็นเป้าหมายการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของพม่า
ในปี 2553 มีการประกาศว่าบรรษัทอุตสาหกรรมไชนานอร์ท (China North Industries Corporation NORINCO) และ UMEHL ได้ตกลงในสัญญาเกี่ยวกับโครงการเหมืองมอญยอแล้ว โดยครอบคลุมพื้นที่ของทั้งเหมือง S&K และเหมืองเลทปะด่อง บริษัทลูกของบริษัทวันเปา ไมนิง จำกัด จากประเทศจีน (เป็นของบริษัท NORINCO) จะมีการเปิดเหมืองทั้งสองแห่งในวันนี้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีการผ่องถ่ายทรัพย์สินของ ME1-บริษัทไอเวนโฮ ไมนส์ไปยังบริษัทวันเปา จากจีน และที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของ UMHEL
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลพยายามติดต่อบริษัท ซึ่งมีชื่ออยู่ในรายงานเพื่อขอความเห็นต่อข้อกล่าวหาเหล่านี้ กรณีที่มีการตอบคำถามกลับมา เราได้นำข้อมูลมาผนวกไว้ในรายงานฉบับนี้ด้วย
Links
[1] http://www.amnesty.org/en/news/myanmar-foreign-mining-companies-colluding-serious-abuses-and-illegality-2015-02-10