การลงโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็น ‘การทำลายเสรีภาพในการแสดงออก’

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

แถลงการณ์ (คำแปล)

23 กุมภาพันธ์ 2558 

ประเทศไทย: การลงโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็น ‘การทำลายเสรีภาพในการแสดงออก’

                แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกแถลงการณ์ระบุว่าคำตัดสินที่พิพากษาให้นักกิจกรรมสองคนมีความผิดฐานเกี่ยวข้องกับการแสดงละครที่ถูกกล่าวหาว่ามีลักษณะดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ เป็นคำตัดสินที่ควรถูกยกเลิกโดยทันที และยังชี้ให้เห็นถึงการปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกอย่างต่อเนื่องโดยรัฐบาลทหาร

                ศาลอาญากรุงเทพฯ ตัดสินในวันนี้ว่า นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้มและนางสาวภรณ์ทิพย์ มั่นคง มีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากทั้งสองแสดงละครเกี่ยวกับกษัตริย์ในเทพนิยายเรื่อง “เจ้าสาวหมาป่า” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2556 ศาลจึงพิพากษาจำคุกพวกเขาคนละสองปีหกเดือน

                จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2557 และที่ผ่านมาถูกควบคุมตัวในเรือนจำมากว่าหกเดือนแล้ว เนื่องจากศาลไม่ให้ประกันตัวแม้จะมีการขอประกันหลายครั้ง

                รูเพิร์ต แอ็บบอต (Rupert Abbott) ผู้อำนวยการงานวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า คำตัดสินนี้ถือเป็นการทำลายเสรีภาพในการแสดงออก เป็นเรื่องน่าอดสูอย่างยิ่งที่นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้มและนางสาวภรณ์ทิพย์ มั่นคง ถูกคุมขังเพียงเพราะการเล่นละคร นับตั้งแต่การยึดอำนาจเมื่อปีที่แล้ว ทางกองทัพไทยได้ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากมายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งนี้เพื่อปราบปรามและพุ่งเป้าไปที่ผู้วิพากษ์วิจารณ์ ที่เพียงใช้สิทธิมนุษยชนของตนอย่างสงบ             

                “อันที่จริง บุคคลทั้งสองไม่ควรต้องเข้ารับการไต่สวนตั้งแต่แรก และควรมีการกลับคำตัดสินและยกเลิกบทลงโทษ การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาไม่ควรถือเป็นการยอมรับความรับผิดทางอาญา เนื่องจากที่ผ่านมาศาลมักลดโทษให้ในกรณีที่จำเลยรับสารภาพตามข้อกล่าวหา” 

                ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมักถูกปฏิเสธไม่ให้ได้รับการประกันตัว โดยอ้างว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับ “ความมั่นคงแห่งชาติ” นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการนิตยสารผู้ถูกจับกุมเมื่อปี 2554 และถูกศาลตัดสินลงโทษข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อเดือนมกราคมปี 2556 นั้น ศาลได้ปฏิเสธไม่ให้ประกันตัวเขาเป็นจำนวน 16 ครั้ง รวมทั้งในระหว่างที่เขาอุทธรณ์คำตัดสิน

                “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลถือว่าบุคคลที่ถูกคุมขังเพียงเพราะแสดงความเห็นอย่างสงบเป็นนักโทษทางความคิด ซึ่งควรได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข”

                “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพควรได้รับการแก้ไขให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights)” รูเพิร์ต แอ็บบอตกล่าว

จบ/

เอกสารสาธารณะ

****************************************

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ สำนักประชาสัมพันธ์แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุงลอนดอน ที่เบอร์โทรศัพท์ +44 20 7413 5566 หรือ +44 (0) 777 847 2126 อีเมล์: press@amnesty.org [1] twitter: @amnestypress

International Secretariat, Amnesty International, 1 Easton St., London WC1X 0DW, UK

******************************

AMNESTY INTERNATIONAL 
PRESS RELEASE 

23 February 2015 

Thailand: Lèse-majesté convictions ‘an assault on freedom of expression’ 

A guilty verdict in Thailand today against two activists involved in a play deemed to have insulted the monarchy should be overturned immediately, and points to an ongoing crackdown on freedom of expression by the military government, Amnesty International said. 

A criminal court in Bangkok today found Patiwat Saraiyaem and Pornthip Munkong guilty of violating Thailand’s lèse-majesté law over their involvement in staging a play about a fictional monarch, “Wolf Bride”, at Thammasat University in October 2013. They were sentenced to two and half years in prison. 

The pair had pleaded guilty to the charges in December 2014. Both have been held in prison for more than six months already, having been denied bail on numerous occasions. 

“This is an assault on freedom of expression. It is appalling that Patiwat Saraiyaem and Pornthip Munkong have been jailed just for staging a play. Since taking power last year, Thailand’s military authorities have made unprecedented use of the lèse-majesté law to silence and target critics who are simply peacefully exercising their human rights,” said Rupert Abbott, Amnesty International’s Research Director for Southeast Asia and the Pacific. 

“The pair should never have had to stand trial in the first place and the verdict should be overturned and sentences expunged. Their guilty plea should not be considered as an admission of criminal responsibility as the courts regularly reduce sentences for defendants who have pleaded guilty.” 

Lèse-majesté suspects are routinely denied bail, on the pretext that their cases are matters of “national security”. Magazine editor Somyot Prueksakasemsuk was arrested in 2011 and convicted on lèse-majesté charges in January 2013. He has been denied 16 separate bail requests, including during his appeal. 

“Amnesty International considers all those who have been jailed solely for peacefully expressing their opinions to be prisoners of conscience, who should be released immediately and unconditionally,” said Rupert Abbott. 

“The lèse majesté law should be amended so that it complies with Thailand's international legal obligations, including under the International Covenant on Civil and Political Rights.”

Public Document 
**************************************** 
For more information please call Amnesty International's press office in London, UK, on   
+44 20 7413 5566 or +44 (0) 777 847 2126 
email: press@amnesty.org [1] 
twitter: @amnestypress 
International Secretariat, Amnesty International, 1 Easton St., London WC1X 0DW, UK