แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศรางวัล Ambassador of Conscience Award ประจำปี 2558

โจแอน บาเอซ  และ อ้าย เหว่ย เหว่ย ได้รับรางวัลเกียรติยศด้านสิทธิมนุษยชนจากแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศรางวัลรางวัลทูตแห่งมโนธรรมสำนึก (Ambassador of Conscience) ประจำปี 2558  ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่ อ้าย เหว่ย เหว่ย (Ai Wei Wei) และโจแอน บาเอซ (Joan Baez) รางวัลนี้จะมอบให้แก่บุคคลที่แสดงออกถึงความเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยงานมอบรางวัลจะจัดขึ้นวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

โจแอน บาเอซ  (Joan Baez) นักร้องเพลงโฟล์คซองในตำนาน และ อ้าย เหว่ย เหว่ย (Ai Wei Wei)  ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้รับรางวัลร่วมกันในงานประกาศรางวัล “ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก” (Ambassador of Conscience) ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำปี 2558

รางวัลทูตแห่งมโนธรรมสำนึก (Ambassador of Conscience) ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลถือเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดเพื่อเป็นการตระหนักถึงการแสดงออกในความเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนจากการทำงานและการใช้ชีวิตของพวกเขา

งานประกาศรางวัลจะจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ในวันที่ 21 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ โดยจะมีแพทตี้ สมิธ นักเขียน-นักแต่งเพลง ร่วมเป็นพิธีกรในงาน

ซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty) เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่ารางวัลทูตแห่งมโนธรรมสำนึก เป็นการเฉลิมฉลองให้กับบุคคลที่มีคุณลักษณะพิเศษที่ใช้ความสามารถของตัวเองในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนจำนวนมากในการไม่ยอมอ่อนข้อต่อความอยุติธรรม และนี่คือเหตุผลว่าทำไม โจแอน บาเอซ  และ อ้าย เหว่ย เหว่ย ถึงเป็นผู้ที่น่ายกย่องในการได้รับรางวัลนี้ พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกิจกรรมกว่าพันคน  ทั้งในทวีปเอเชียไปจนถึงอเมริกา และในพื้นที่อื่นๆ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เป็นวันครบรอบ 50 ปี ที่โจแอน บาเอซ  เข้าร่วมการเดินเพื่อเรียกร้องสิทธิของพลเมืองจาก เซลมา ไปถึง มอนต์โกเมอร์รี่ ในรัฐอัลลาบามา โดยเธอได้เข้าร่วมแสดงในการชุมนุมชื่อ “ดวงดาวเพื่อเสรีภาพ” ร่วมกับนักกิจกรรมคนอื่นๆ เช่น    แฮร์รี เบลาฟอนเต้ (ผู้ที่ได้รับทูตแห่งมโนธรรมสำนึก ปี 2556) แซมมี่ เดวิส จูเนี่ยร์ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่ และ นินา ซิโมน

โจแอน บาเอซ  ได้อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ของเธอไปกับงานกิจกรรมที่ไม่สนับสนุนความรุนแรงเพื่อสิทธิพลเมืองและสิทธิมนุษยชน โดยเธอได้เข้าร่วมการเดินประท้วงเพื่อสิทธิพลเมืองเคียงข้าง มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ นอกจากนี้เธอยังสนับสนุนการณรงค์ต่อต้านโทษประหารชีวิต และได้จัดงานรณรงค์เพื่อสันติภาพ และการต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม รวมทั้งปกป้องสิทธิของแรงงานอพยพในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ และเข้าร่วมในการชุมนุมเพื่อต่อต้านการทรมาน รวมถึงสนับสนุนการรณรงค์เพื่อสิทธิของเกย์และเลสเบียนอีกด้วย   

นอกจากนี้เธอยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างเครือข่ายท้องถิ่นของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโกช่วงต้นปี 70 และได้ร่วมแสดงในการทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ “Conspiracy of Hope” ในวาระครบรอบ 25 ปีของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลในปี 2529

“ด้วยเสียงที่ไพเราะ และการทุ่มเทที่ไม่ย่อท้อเพื่อการประท้วงอย่างสันติและสิทธิมนุษยชน โจแอน บาเอซ  จึงเป็นพลังอันแข็งแกร่งเพื่อความดีมาตลอด 5 ทศวรรษ” ซาลิล เช็ตติกล่าว

เมื่อทราบว่าเธอได้รับรางวัลนี้ โจแอน บาเอซ  กล่าวว่า “การทำงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลดึงดูดความสนใจของฉัน เพราะหลักการแรกเริ่มขององค์กรที่ว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ และการทรมานเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขั้นตอนในการยุติการละเมิดต่างๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่สร้างความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น และการไม่แบ่งแยกขึ้น ซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมาก ฉันโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวนี้ และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลนี้”

อ้าย เหว่ย เหว่ย ศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นนักวิจารณ์ที่วิพากษ์นโยบายของรัฐบาลจีนอยู่เป็นประจำ โดยงานส่วนใหญ่ของเขาจะเกี่ยวข้องกับการถูกจำกัดสิทธิของประชาชนในประเทศจีน และประสบการณ์ที่เขาเคยติดคุก ทั้งนี้งานและการจัดกิจกรรมของเขามักจะเกี่ยวข้องกับประเด็นที่อ่อนไหว ซึ่งรัฐบาลจีนไม่อยากที่จะกล่าวถึง  

ในปี 2553 อ้าย เหว่ย เหว่ย เคยถูกจำคุกเป็นเวลาสั้นๆ เคยถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันก่อนที่เขาจะต้องเป็นพยานในการพิจารณาคดีของแทน ซูเริน นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ที่ร่วมกับอ้าย เหว่ย เหว่ย ในการเก็บข้อมูลรายชื่อของเด็กนับพันคนที่เสียชีวิตช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2551 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน

หลังจากเขาถูกคุกคามจากทางการมาเป็นเวลานาน อ้าย เหว่ย เหว่ย ถูกจำคุกอีกครั้งในปี 2554 เป็นเวลา 81 วันโดยปราศจากข้อหา และบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นถูกตัดสินว่ามีความผิดโดยทางการจีนจากการหลีกเลี่ยงภาษี ขณะนี้อ้าย เหว่ย เหว่ย อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของทางการจีน และไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ 

ผลงานล่าสุดของเขาคือการจัดแสดงที่อัลคาทราซ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงชะตากรรมที่โหดร้ายของนักโทษทางความคิดในยุคปัจจุบัน

ซาลิล เชตตี้ กล่าวว่าถึงอ้าย เหว่ย เหว่ยว่างานของเขาย้ำเตือนให้เราไม่ลืมว่าสิทธิในการแสดงออกของทุกคนต้องได้รับการคุ้มครอง ไม่ใช่แค่เพื่อสังคมเท่านั้น แต่เพื่องานศิลปะและมนุษยธรรมด้วย

ด้านอ้าย เหว่ย เหว่ย กล่าวเมื่อทราบว่าได้รับรางวัลนี้ว่า “ถือว่าผมได้รับสิทธิพิเศษอย่างมากในการได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ และผมจะไม่ทำให้ทุกคนที่สนับสนุนและคาดหวังในตัวผมผิดหวังอย่างแน่นอน”