3 นักสิทธิเข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกทหารฟ้องจากการเปิดโปงการทรมาน

3 นักสิทธิเข้ารับทราบข้อกล่าวหา
หลังถูกทหารฟ้องจากการเปิดโปงการทรมาน

แอมเนสตี้ออกแถลงการณ์ย้ำให้ทางการไทยยุติการสอบสวนทางอาญาต่อสามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูก กอ.รมน. ฟ้องจากการเผยแพร่รายงานการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยทั้งสามเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ววันนี้

          พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ซึ่งเพิ่งจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเมื่อเดือนก่อน พร้อมด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอีกสองคนได้แก่ สมชาย หอมลออ และอัญชนา หีมมิหน๊ะ เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี [1]ในวันนี้ (26 ก.ค.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การสู้คดีแล้ว หลังถูก กอ.รมน. ฟ้องหมิ่นประมาททางอาญาและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการจัดทำและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทย

          อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเปิดเผยว่าทั้งสามคนให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และจะขออนุญาตจัดทำคำให้การเป็นเอกสารเพื่อส่งให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง โดยหลังรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งสามคนสามารถเดินทางกลับได้โดยไม่ต้องมีการประกันตัว

          ด้าน สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์ [2]ย้ำถึงข้อเรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิกการสอบสวนทางอาญาต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสามคน โดย ซาลิล เช็ตตี้ (Salil Shetty) เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่ารัฐบาลไทยเคยสัญญาว่าจะประกาศใช้กฎหมายต่อต้านการทรมาน แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับย้อนแย้ง เพราะพวกเขากำลังคุกคามนักกิจกรรมที่พยายามเปิดโปงการกระทำอันน่ารังเกียจอย่างการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐ

           “ทางการไทยควรยุติการสอบสวนทางอาญาโดยทันที โดยยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนักกิจกรรมทั้งสามคน และดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระและเป็นธรรมต่อกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงที่พวกเขาเปิดโปง และเป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องคุ้มครองนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ปกป้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากความรับผิด” ซาลิลกล่าว

          นับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา รัฐบาลทหารของไทยพยายามปราบปรามผู้ที่เห็นต่างทุกรูปแบบ มีการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุม และการสมาคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีการตั้งข้อหาต่อบุคคลกว่า 100 คนจากการต่อต้านร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีการลงประชามติกันในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มภาษาไทย [3]
อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มภาษาอังกฤษ [4]