ทางการไทยต้องคุ้มครองนักปกป้องสิทธิฯ มากขึ้น หลังชาวบ้านคองไทรฯ ถูกลอบยิงซ้ำเป็นคนที่ 5

ทางการไทยต้องคุ้มครองนักปกป้องสิทธิฯ มากขึ้น
หลังชาวบ้านคองไทรฯ ถูกลอบยิงซ้ำเป็นคนที่ 5

แอมเนสตี้ออกแถลงการณ์กดดันทางการไทยให้คุ้มครองสวัสดิภาพของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น หลังชาวบ้านชุมชนคองไทรฯ ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินถูกลอบยิงเป็นคนที่ 5 แล้ว

          แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการไทยให้สอบสวนต่อเหตุลอบยิงนายสุพจน์ กาฬสงค์ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่ดิน ชุมชนคลองไทรพัฒนา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา อย่างเร่งด่วน รอบด้าน และโปร่งใส ตลอดจนเพิ่มมาตรการคุ้มครองนายสุพจน์และสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาคนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงด้วย

          แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลมองว่าการลอบยิงนายสุพจน์ ซึ่งเป็นชาวบ้านคนที่ 5 แล้วที่ถูกลอบยิง เป็นการกระทำที่น่าเศร้าสลดใจ และถือเป็นการคุกคามชุมชนดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมามีชาวบ้านถูกลอบสังหารเสียชีวิตแล้ว 4 คน ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและงานรณรงค์ของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าทางการไทยไม่สามารถให้การคุ้มครองพวกเขาได้อย่างเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น ในทุกกรณีทางการยังไม่สามารถนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้เลย

ข้อมูลพื้นฐาน

          ผู้ลอบทำร้ายไม่ทราบชื่อได้พยายามลอบยิงนายสุพจน์ระหว่างที่เขาขับรถกลับมาที่ชุมชนตอนบ่ายของวันที่ 8 เม.ย. 2559 นายสุพจน์เป็นหลานชายของนายใช่ บุญทองเล็ก นักเคลื่อนไหวอีกคนซึ่งถูกยิงสังหารเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2558 ต่อมานายสุพจน์ได้ให้การในศาล แต่ศาลยกฟ้องผู้ต้องสงสัยซึ่งมีอยู่เพียงรายเดียวในคดีนี้ไป

          ตั้งแต่ปี 2551 ชุมชนคลองไทรพัฒนาได้เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ในอำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฏร์ธานี ทางภาคใต้ของไทย ในช่วงที่อาศัยอยู่ในที่ดินผืนนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับการสังหารขู่ฆ่า ข่มขู่ คุกคาม และการทำลายทรัพย์สินและพืชผล

          ทางชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างการผลักดันการออกโฉนดชุมชน ได้รับการสนับสนุนจากนักรณรงค์หลายคนเพื่อให้มีการปฏิรูปที่ดินของชุมชน รวมทั้งสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ที่ผ่านมาทางชุมชนมีข้อพิพาทด้านที่ดินอย่างต่อเนื่องกับบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน โดยเมื่อปี 2557 ศาลฎีกามีคำสั่งให้ทางบริษัทออกจากที่ดินในอำเภอชัยบุรี แต่ทางบริษัทไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

          เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 นักเคลื่อนไหวสองคน ได้แก่ นางมณฑา ชูแก้ว มีอาชีพค้าขายและนางปราณี บุญรักษ์ มีอาชีพรับจ้าง ถูกลอบยิงสังหารระหว่างเดินทางกลับจากตลาดสดในพื้นที่

          นักเคลื่อนไหวอีกคนหนึ่งที่ถูกลอบสังหารคือ นายสมพร พัฒนภูมิ ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ ซึ่งถูกยิงจนมีรอยกระสุนหลายรอยบริเวณด้านนอกของหมู่บ้านเมื่อเดือนมกราคม 2553

แถลงการณ์ฉบับเต็มภาษาไทย