สามนักสิทธิมนุษยชนรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา 26 ก.ค. นี้ ที่สภ.อ.ปัตตานี
สามนักสิทธิมนุษยชนรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา 26 ก.ค. นี้ ที่สภ.อ.ปัตตานี
วันพรุ่งนี้ (26 กรกฎาคม 2559) เวลา 13.00 น. สามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในจังหวัดชายแดนใต้จะเดินทางไปเข้าพบ พันตำรวจโทวิญญู เทียมราช พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดีตามกระบวนการต่อไป
ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้าได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี ให้ดำเนินคดีกับ นายสมชาย หอมลออ นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ และ นางสาวอัญชนา หีมมิหน๊ะ สามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยกล่าวหาว่า นักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสามได้จัดพิมพ์และแจกจ่ายรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีฯ ในจังหวัดชายแดนใต้ ปี 2557-2558 และนำเอกสารรายงานฯ ดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามหมายเรียกฉบับลงวันที่ 8 มิถุนายน 2559ซึ่งกำหนดให้ทั้งสามเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 มิถุนายน 2559 แต่ทั้งสามได้ขอเลื่อนวันนัดเป็นวันที่ 26 กรกฎาคม 2559
นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอรืเนชั่นแนล ประเทศไทยและผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยในเวทีสาธารณะ เรื่อง “สันติภาพจอมปลอม: เมื่อรัฐคุกคามนักสิ่งแวดล้อมและนักสิทธิ” ว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นมานานแล้ว ความรุนแรง มีการใช้วิธีการแตกต่างกัน คนทำงานเองก็มีการเปลี่ยนวิธีการทำงาน เช่น การนั่งโต๊ะพูดคุยเจรจา ตัวอย่างวันนี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่มีทักษะในการจัดการ ทำให้เสียงของเราได้ถูกพูดไป นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน คือ คนที่สื่อสารต่อสาธารณะ เสียงเหล่านี้ควรรับฟัง กรณีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับนักสิทธิมนุษยชนก็ไม่ใช่เป็นครั้งแรก มีการบังคับใช้มาแล้วในประเทศไทย ตอนนี้มีการฟ้องร้องคดีอาญา กลายเป็นว่านักสิทธิเป็นคู่อริกันกับรัฐ ขณะที่ประเด็นปัญหาไม่ถูกแก้ไข ทุกฝ่ายต้องการสันติสุข การฟ้องร้องคดีทำให้การพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจลดน้อยลงไป เราต้องยืนยันและยืนหยัดว่าเราเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ไม่ใช้ความรุนแรง
"เรายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่ กอรมน.แจ้งความร้องทุกข์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพื่อยืนยันเรื่องการทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ การฟ้องคดีฐานหมิ่นประมาทหน่วยงานที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าอาจกระทำการทรมาน เพื่อวัตถุประสงค์เพียงให้เราเปิดเผยชื่อผู้เสียหายจากการทรมานเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริตหรือไม่"
ด้านนางสาวอัญชนา หีมมีหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ แสดงความคิดเห็นว่า ประเด็นการถูกคุกคามในการทำงาน มีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมที่บ้าน มีการเชิญไปร่วมพูดคุยโดยอ้างอำนาจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ และล่าสุดกรณีถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากรายงานที่มีการเปิดเผย ตนมีเป้าหมายของคนทำงาน คือ ต้องการสร้างสันติภาพ
เลขาธิการและประธานแอมเนสตี้ทั่วโลกเรียกร้องทางการไทยยุติการฟ้องคดีสามนักสิทธิ
ระหว่างวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2559 ที่กรุงบาเซลโลนา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประชุมประจำปีระหว่างประธานและผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงออกโดยการลงชื่อในโปสการ์ดเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้
- 1. ขอให้ยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้งสามคนโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข
- 2. ไม่ให้ข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทมีโทษทางอาญา
- 3. มีมาตรการคุ้มครองการดำเนินกิจกรรมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยไม่ให้ถูกคุกคามจากการฟ้องคดี
- 4. สอบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทรมานโดยทันที เป็นอิสระ และมีประสิทธิภาพ พร้อมนำผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเยียวยาผู้เสียหาย
โดยก่อนหน้านี้ สำนักเลขาธิการใหญ่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนสมาชิกทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกส่งจดหมายมายังรัฐบาลไทย เพื่อร่วมเรียกร้องให้ทางการไทยยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนสามคน ซึ่งถูกฟ้องจากการจัดทำและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับกรณีการทรมานโดยเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ชายแดนใต้
ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลทั่วโลก โดยเฉพาะแอมเนสตี้ประเทศไทย
ข้อมูลอ้างอิง
http://psu10725.com/2558/?p=2468