Error message

  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).

เบนินให้สัตยาบันสนธิสัญญาสำคัญขององค์การสหประชาชาติเพื่อยกเลิกโทษประหาร

6 กรกฎาคม 2555 

ก้าวย่างสำคัญของเบนินเพื่อมุ่งสู่การยกเลิกโทษประหารเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ หลังจากได้ประกาศให้ภาคยานุวัติต่อสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการลงโทษประหาร

เบนินเป็นประเทศลำดับที่ 75 ของโลกที่รับรองพิธีสารเลือกรับฉบับที่ 2 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พ.ศ. 2532 (1989 Second Optional Protocol to the International Covenant on Civil and Political Rights) ที่มีเป้าหมายยกเลิกโทษประหาร

การให้สัตยาบันรับรองพิธีสารเลือกรับฉบับที่ 2 ของรัฐบาลเบนินนับเป็นก้าวย่างสำคัญอีกก้าวหนึ่ง และเบนินควรดำเนินการต่อเนื่องโดยทันที เพื่อบังคับใช้กฎหมายที่ยกเลิกโทษประหารจากกฎหมายระดับชาติใด ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด

การดำเนินงานเพื่อยกเลิกโทษประหารของเบนิน นับเป็นการกำหนดมาตรฐานให้ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ปฏิบัติตาม

แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลได้รณรงค์อย่างยาวนานเพื่อให้ยกเลิกโทษประหารในประเทศเบนิน

การให้ภาคยานุวัติต่อพิธีสารเท่ากับว่าเบนินสัญญาว่าจะไม่ประหารชีวิตใครอีก และจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งปวงเพื่อยกเลิกโทษประหารที่มีอยู่ในแนวนิติศาสตร์ของตน

โทษประหารยังเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายในเบนินอยู่ ต้องรอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเบนินยกเลิกมาตราในกฎหมาย ซึ่งยังอนุญาตให้ใช้โทษประหารอยู่

แม้ว่าประมวลกฎหมายอาญาของเบนินยังคงอนุญาตให้ใช้โทษประหารกับความผิดหลายประการ แต่ในช่วงเกือบ 25 ปีที่ผ่านมา เบนินไม่ได้ประหารชีวิตบุคคลใดเลย

ตามข้อมูลที่แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลมีอยู่ การประหารชีวิตครั้งสุดท้ายในเบนินเกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2530 โดยเป็นนักโทษสองคนที่ถูกยิงเป้าเนื่องจากความผิดฐานฆาตกรรมผู้อื่นเพื่อประกอบพิธีบวงสรวง ในปี 2529 มีการยิงเป้าหกคน พวกเขาเป็นนักโทษที่มีความผิดฐานลักทรัพย์ด้วยการใช้อาวุธและการฆาตกรรมผู้อื่น ครั้งสุดท้ายที่ศาลเบนินตัดสินลงโทษประหารคือปี 2553 เป็นการลงโทษผู้หญิงคนหนึ่งในข้อหาฆาตกรรมโดยระหว่างการอ่านคำพิพากษาตัวจำเลยไม่อยู่ในศาล     ถึงสิ้นปี 2554 ในเรือนจำของเบนินมีนักโทษประหารอย่างน้อย 14 คน     

เบนินได้เข้าร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในแอฟริกาเพื่อยกเลิกโทษประหาร จนถึงปัจจุบัน 16 ประเทศในแอฟริกาได้ยกเลิกโทษประหารต่อความผิดทางอาญาใด ๆ รวมทั้งสามประเทศในช่วงสามปีที่ผ่านมาได้แก่ บูรุนดี โตโก และกาบอง แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนลถือว่าอีก 22 ประเทศรวมทั้งเบนินเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารในทางพฤตินัย

หมายถึงว่าในระดับภูมิภาคแอฟริกา เช่นเดียวกับในระดับโลกกว่าสองในสามของประเทศต่าง ๆ ได้ยกเลิกโทษประหารทั้งในทางนิตินัยหรือพฤตินัยไปแล้ว

ในประเทศกานา มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลยอมรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสนอให้ยกเลิกโทษประหารในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในเดือนกันยายน 2554 เซียร์ราลีโอนยอมรับข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ และได้ให้สัตยาบันต่อพิธีสารเลือกรับฉบับที่สอง และภายหลังการลดโทษหลายครั้งเป็นเหตุให้ในประเทศนี้ไม่มีนักโทษประหารเหลืออยู่เลย ส่วนในประเทศบูร์กินาฟาโซและมาลียังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเพื่อยกเลิกโทษประหาร

ในเดือนมีนาคมของปีนี้ มองโกเลียได้ให้ภาคยานุวัติต่อพิธีสารเลือกรับฉบับที่สอง ในขณะที่ทาจิกิสถานสนับสนุนข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติและสัญญาว่าจะทำแบบเดียวกัน

แม้จะมีความก้าวหน้าที่สำคัญเหล่านี้ แต่ต้องมีการรณรงค์ต่อไปเพื่อยกเลิกโทษประหารทั่วโลก

ในปี 2554 มีการประหารชีวิตใน 21 ประเทศและอีก 63 ประเทศมีการสั่งลงโทษประหาร บรรดาวิธีประหารชีวิตที่ใช้กันได้แก่ การตัดศีรษะ การแขวนคอ การฉีดสารพิษเข้าร่างกาย และการยิงเป้า