รำลึกนักปกป้องสิทธิฯ : ปริศนาแห่งแก่งกระจาน ครบ 2 ปี "บิลลี่" อยู่ไหน?
รำลึกนักปกป้องสิทธิฯ :
ปริศนาแห่งแก่งกระจาน ครบ 2 ปี "บิลลี่" อยู่ไหน?
พอละจี รักจงเจริญ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บิลลี่” เป็นหนึ่งในผู้นำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และเป็นหนึ่งในพยานคดีที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอยยื่นฟ้อง ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ข้อหาเผาบ้านและยุ้งฉางของชาวบ้านให้ได้รับความเสียหาย
บิลลี่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 หลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวขึ้นรถของนายชัยวัฒน์ และไม่มีพบเห็นเขาอีกเลยหลังจากนั้น ครอบครัวและชาวบ้านได้อาศัยกระบวนการยุติธรรมและได้รับความช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมากมาย ซึ่งรวมถึง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย แต่ผ่านไป 2 ปีก็ยังไม่มีวี่แววของนักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงคนนี้
หลังการหายตัวไป 2 เดือน กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้ว่านายชัยวัฒน์มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพราะไม่ลงบันทึกการควบคุมตัวบิลลี่ ขณะที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ตั้งขึ้นไม่พบความเชื่อมโยงการละเลยหน้าที่ของนายชัยวัฒน์กับการหายตัวไปของบิลลี่
แม้จะถูกตั้งข้อครหามากมายจากสาธารณชน นายชัยวัฒน์ถูกย้ายกลับมาทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอีกครั้งในเดือน ส.ค. 2558 ก่อนจะถูกย้ายไปผู้อำนวยการส่วนจัดการต้นน้ำ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ในอีก 2 เดือนต่อมา
ล่าสุดเมื่อปีก่อน ทั้งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต่างตัดสินยืนยกคำร้องของ พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ “มึนอ” ภรรยาของบิลลี่ ที่ระบุว่านายชัยวัฒน์กับพวกควบคุมตัวบิลลี่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย แต่การต่อสู้เพื่อค้นหาความจริงว่าและนำความยุติธรรมาสู่ครอบครัวบิลลี่ยังคงดำเนินต่อไป
ทำไมเราถึงเชื่อว่าบิลลี่ถูกอุ้มหาย?
- บิลลี่มีภาพนิ่งและวิดีโอของเหตุการณ์ชายจำนวนหนึ่งสวมเสื้อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กำลังเลื่อยต้นไม้ใกล้หมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน สอดคล้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่รายงานว่านายชัยวัฒน์ผลักดัน รื้อถอน และเผาทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยง
- บิลลี่เป็นพยานคนสำคัญในคดีที่ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยฟ้องต่อศาลปกครองเมื่อปี 2555 เพื่อเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กรณีเข้าไล่รื้อและทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านเมื่อปี 2554 และขอสิทธิอาศัยทำกินในพื้นที่เดิม ซึ่งชาวบ้านตั้งรกรากมานานร่วมร้อยปี
- นายชัยวัฒน์ยอมรับว่าได้ควบคุมตัวบิลลี่ขึ้นรถยนต์ของตนไปจริง แม้จะอ้างว่าได้ปล่อยตัวแล้วก็ตาม
- มีการพยายามทำลายหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์พบว่ามีการล้างทำความสะอาดคราบเลือดในรถยนต์ของนายชัยวัฒน์หลายครั้ง ซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ ฏ์ฤ ของลูกชายบิลลี่
ข้อเรียกร้องของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
- เร่ง DSI ให้สืบคดีของบิลลี่อย่างจริงจัง
- สอบสวนการหายตัวไปของบิลลี่ และผู้ที่คาดว่าถูกอุ้มหายทุกคนในประเทศไทย อย่างเป็นอิสระ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ มีการสั่งพักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นไปได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มหาย ตลอดจนนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่การพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
- ทำให้การบังคับบุคคลให้สูญหาย (อุ้มหาย) เป็นความผิดทางอาญาอย่างชัดเจนด้วยการผ่าน ร่าง พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย โดยที่เนื้อหาต้องสอดคล้องกับ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
- ให้สัตยาบันต่อ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ และบังคับใช้กฎหมายในประเทศให้สอดคล้องกับข้อบทของอนุสัญญาดังกล่าว
- ระบุที่อยู่และชะตากรรมของผู้ที่คาดว่าถูกอุ้มหาย ตลอดจนนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
- รับประกันว่าผู้เสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและครอบครัวจะได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่