Error message

  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).
  • Deprecated function: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in _filter_pubdlcnt() (line 50 of /home/amnestyo/domains/amnesty.or.th/public_html/old/sites/all/modules/contrib/pubdlcnt/pubdlcnt.module).

จดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีอินโดนีเซียกรณีโทษประหารชีวิต

หมวดหมู่ : ข่าวสิทธิมนุษยชน

จดหมายเปิดผนึกจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลถึงประธานาธิบดีอินโดนีเซียกรณีโทษประหารชีวิต

ฯพณฯ ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด

Istana Merdeka Jakarta 10110 อินโดนีเซีย

18 กุมภาพันธ์ 2558

เรียน ฯพณฯ

จดหมายเปิดผนึกว่าด้วยโทษประหารชีวิต

                ผมเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแสดงความกังวลจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลที่มีต่อการประหารชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชาวอินโดนีเซียและชาวต่างชาติอย่างน้อย 11 คน ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการฆาตกรรม

                แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิในการมีชีวิต และเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีมากสุด

                หากอินโดนีเซียเดินหน้าประหารชีวิตบุคคลเหล่านี้ จะเป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ มีนักโทษประหารอย่างน้อยสองคนที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์คดีต่อศาลสูงสุด มาตรฐานระหว่างประเทศกำหนดไว้ว่า ไม่ควรมีการประหารชีวิตกรณีที่คดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังกังวลด้วยว่า ที่ผ่านมานักโทษประหารบางคนอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพื่อให้สามารถยื่นคำร้องอุทธรณ์คดีต่อศาลสูงได้

                Rodrigo Gularte นักโทษชาวบราซิลได้รับการตรวจพบว่ามีอาการจิตเภทและไบโพลาร์ และมีลักษณะอาการทางจิตอื่น ๆ อาการของเขายังทรุดลงในระหว่างคุมขังในแดนประหาร กฎหมายระหว่างประเทศห้ามใช้โทษประหารชีวิตกับผู้ที่พิการด้านจิตใจหรือสติปัญญา เรายินดีกับรายงานล่าสุดที่ว่าทางการอินโดนีเซียกำลังประเมินคดีของนาย Gularte ใหม่ และอาจไม่ประหารชีวิตเขา หากพบว่าเขามีอาการทางจิต

                แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังตกใจกับการแสดงจุดยืนของรัฐบาลอินโดนีเซียที่จะปฏิเสธไม่รับคำร้องขอลดหย่อนโทษ กรณีที่เป็นนักโทษประหารเนื่องจากความผิดด้านยาเสพติด ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิของบุคคลที่จะร้องขอให้อภัยโทษหรือเปลี่ยนโทษ และเป็นสิทธิที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 14 ของรัฐธรรมนูญอินโดนีเซีย และข้อ 6 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในรัฐภาคี

                มีการอ้างว่าการรื้อฟื้นการประหารชีวิตในอินโดนีเซียเป็นการตอบโต้กับอาชญากรรม รวมทั้งอาชญากรรมด้านยาเสพติด อย่างไรก็ดี ความผิดด้านยาเสพติดยังไม่ถือว่ามีคุณสมบัติเป็น “ความผิดร้ายแรงสุด” ซึ่งอาจมีการนำโทษประหารชีวิตมาใช้ได้ตามกติกา ICCPR นอกจากนั้น ยังไม่มีพยานหลักฐานที่ยืนยันชัดเจนว่า โทษประหารชีวิตจะช่วยป้องกันอาชญากรรมได้อย่างเป็นผลมากกว่าการลงโทษชนิดอื่น ๆ จากการศึกษาอย่างละเอียดขององค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโทษประหารชีวิตกับอัตราการฆ่าคนตายได้ข้อสรุปว่า ไม่มีหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการประหารชีวิตส่งผลในเชิงป้องปรามอาชญากรรม มากกว่าการจำคุกตลอดชีวิต

                ดังที่องค์การสหประชาชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ได้เคยแถลงไว้ การแก้ปัญหาอาชญากรรมร้ายแรงสุดและความไม่มั่นคง จำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายและระบบยุติธรรมทางอาญาอย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนควรมีความมั่นใจว่า เจ้าพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมายผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดี และมีความรู้มากเพียงพอที่จะสอบสวนความผิดทางอาญา โดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และควรมั่นใจได้ว่าระบบยุติธรรมมีความเป็นอิสระ เป็นธรรม และมีความเป็นกลาง

                การใช้โทษประหารชีวิตต่อไปในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ ยังอาจบั่นทอนความพยายามของรัฐบาลอินโดนีเซียที่ต้องการคุ้มครองไม่ให้พลเมืองของตนถูกตัดสินประหารชีวิตในประเทศอื่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลตระหนักว่า เมื่อเดือนเมษายน 2557 รัฐบาลอินโดนีเซียยินยอมจ่ายค่าชดเชยเพื่อให้มีการเปลี่ยนโทษประหารชีวิตสำหรับคนทำงานบ้านชาวอินโดนีเซียที่ต้องคดีในซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากเธอได้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่านายจ้างตนเอง ทั้งที่ในความจริงผู้หญิงคนดังกล่าวอาจกระทำการเช่นนั้นเพื่อป้องกันตนเอง และเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงการต่างประเทศยังประกาศที่จะขัดขวางไม่ให้มีการประหารชีวิตพลเมืองชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 229 คนซึ่งต้องโทษประหารในต่างประเทศสำหรับความผิดเกี่ยวกับการฆ่าคนตายและยาเสพติด แม้เราชื่นชมกับความพยายามของรัฐบาลอินโดนีเซียที่จะหาทางลดหย่อนโทษให้กับผู้ต้องโทษประหารชีวิตในต่างประเทศ แต่การนำโทษประหารชีวิตมาใช้ต่อไปในประเทศของตนเอง สะท้อนถึงสภาวะสองมาตรฐานที่เป็นปัญหาอย่างยิ่ง

            แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลขอเรียกร้องรัฐบาลอินโดนีเซียให้

  • ยุติแผนการประหารชีวิตทั้ง 11 คนโดยทันที และให้ทบทวนกรณีอื่น ๆ ทั้งหมด ทั้งนี้โดยมีเจตนารมณ์เพื่อเปลี่ยนโทษประหารชีวิตให้เป็นโทษจำคุก
  • จัดทำความตกลงชั่วคราวเพื่อยุติการประหารชีวิต ทั้งนี้โดยมีเจตนารมณ์เพื่อยกเลิกโทษประหารชีวิต สอดคล้องกับมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ
  • แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศ เพื่อยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิตในทุกข้อบัญญัติ               

                เราหวังว่าท่านจะพิจารณาข้อเสนอแนะเหล่านี้

ขอแสดงความนับถือ

ซาลิล เช็ตติ (Salil Shetty)

เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

เอกสารที่เกี่ยวข้อง: 

ป้ายคำ: 

  • อินโดนีเซีย
  • โทษประหารชีวิต
  • แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล