ศาลสหรัฐตัดสินให้การสอดแนมประชาชนโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลสหรัฐตัดสินให้การสอดแนมประชาชนโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดเผยว่า การสอดแนมการสื่อสารของประชาชนโ
เชอริฟ เอลเซด อาลี รองผู้อำนวยการด้านประเด็นสากล แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า เกือบสองปีแล้วนับตั้งแต่สโนว์เดนเปิดเผยข้อมูล ทำให้รัฐบาลสหรัฐพยายามอ้างความชอบธรรมในการครอบครองข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ของประชาชน แต่คำตัดสินเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ได้ทำให้แผนการสอดแนมโดยรัฐต้องสั่นคลอนลง
“นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่ศาลตั้งคำถามในประเด็นพื้นฐานทางกฎหมายต่อแผนการสอดแนมของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตร ดังนั้นนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการยุติปฏิบัติการดังกล่าว เพราะรัฐบาลได้ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความจริง ที่ต้องยอมรับว่าแผนการสอดแนมของตนนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย”
เชอริฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า คำตัดสินนี้ควรเป็นการกระตุ้นให้รัฐสภาอเมริกายกเลิกหมวดที่ 215 ในรัฐบัญญัติว่าด้วยความรักชาติซึ่งเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมประชาชนที่เกินขอบเขตมาแล้ว
“รัฐบาลของ 2 ประเทศ คือฝรั่งเศสและแคนาดา ที่ได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนการสอดแนมประชาชน ควรดูคำตัดสินของในเรื่องเดียวกันนี้ของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่าง” เชอริฟกล่าว
ข้อมูลพื้นฐาน
ในเดือนนี้รัฐสภาอเมริกาจะลงคะแนนเสียงเพื่อออกรัฐบัญญัติว่าด้วยเสรีภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะจำกัดอำนาจในหมวดที่ 215 ในรัฐบัญญัติว่าด้วยความรักชาติซึ่งเอื้อให้รัฐบาลสอดแนมประชาชน โดยกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องให้สภาและประธานวุฒิสภายกเลิกรัฐบัญญัติดังกล่าวโดยไม่ต้องมีการแก้ไข
ในวันอังคารที่ 5 พฤษภาคม 2558 ส.ส. ในรัฐสภาฝรั่งเศสได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายว่าด้วยการสอดแนมประชาชนซึ่งอาจส่งผลให้ทางการตรวจสอบบทสนทนาของประชาชนทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์โดยปราศจากการถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพ