แอมเนสตี้กดดันเวียดนามยุติจำกัดเสรีภาพในโอกาสที่ ‘โอบามา’ เดินทางเยือน
แอมเนสตี้กดดันเวียดนามยุติจำกัดเสรีภาพในโอกาสที่ ‘โอบามา’ เดินทางเยือน
แอมเนสตี้กดดันทางการเวียดนามให้ยุติการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสงบและให้ปล่อยตัวนักโทษทางความคิดทั้งหมด พร้อมเรียกร้อง ‘โอบามา’ ให้ให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้มากขึ้น
ในช่วงที่ บารัก โอบามา ประธานิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนเวียดนาม ทางการเวียดนามพยายามจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบในประเทศมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการจับกุมนักกิจกรรมที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างสงบจำนวนหกคน และการคุกคามประชาชนอีกหลายสิบคน
นักกิจกรรมชาวเวียดนามหกคนดังกล่าว ได้แก่ แนนซี เหงียน, เหงียน เวียต ดุง, ฟาม ดวน ตรัง, วู ฮุย หวง, เหงียน งู กวินห์, เหงียน บา วินห์ ส่วนนักกิจกรรมอีกหลายสิบคนเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่าพวกเขาถูกตำรวจและตำรวจนอกเครื่องแบบกักบริเวณไม่ให้ออกจากบ้าน
ราเฟนดี จามิน ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกกล่าวว่า “แม้ทั่วโลกกำลังจับตามองเวียดนามจากการมาเยือนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทางการเวียดนามกลับยังคงจำกัดเสรีภาพประชาชนเหมือนที่ผ่านมา”
ด้าน ที คูมาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กวว่า “ก่อนจะกลับจากเวียดนาม ประธานาธิบดีโอบามาต้องยืนกรานให้มีการปล่อยตัวนักโทษทางความคิด รวมไปถึงการรับรองว่าการประท้วงอย่างสงบจะได้รับอนุญาต สิทธิมนุษยชนไม่สามารถถูกนำมาแลกเปลี่ยนกับความมั่นคงและข้อตกลงทางการค้าได้”
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ทางการเวียดนามปราบปรามการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง การประท้วงดังกล่าวมีสาเหตุมาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลไม่ใส่ใจภัยพิบัติทางระบบนิเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อการประมงบริเวณพื้นที่ชายฝั่งอย่างมาก
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้พูดคุยกับนักกิจกรรมชาวเวียดนามหลายคนทั่วประเทศที่ถูกตรวจตราและคุกคาม บางคนระบุว่าถูกทำร้ายร่างกายด้วย ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุทำร้ายร่างกายดังกล่าวยังไม่ถูกจับกุมแต่อย่างใด
การจำกัดเสรีภาพโดยทางการเวียดนามยังรวมไปถึงการสั่งแบนผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวบีบีซี การบล็อกโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กและอิสตาแกรมด้วย
ราเฟนดี จามินกล่าวปิดท้ายว่า “ทางการเวียดนามต้องอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวรายงานข่าว ตลอดจนอนุญาตให้ประชาชนแสดงออกอย่างอิสระได้”